วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2566

โหราศาสตร์ไทย (ตรีวัย)

ตรีวัย หรือวัยทั้งสาม 
เป็นหลักวิชาพยากรณ์แบบหนึ่งในวิชาโหราศาสตร์ จะเว้นเสียไม่ได้ ด้วยเป็นหลักสำคัญอันมีกฎเกณฑ์ตายตัว ควบคู่ไปกับการเจริญวัยของมนุษย์ทุกคน ตามเกณฑ์อายุ โดยแต่ละวัยมีอายุประมาณ 25 ปี


ถ้าคุณอยากรู้ช่วงอายุไหนคุณจะรุ่งหรือคุณจะร่วงก็ดูดาวตรีวัยในช่วงอายุนั้นๆ ไปสถิตในภพไหนในลัคนาดวงเดิม

ถ้าช่วงดาวตรีวัยในดวงเดิมสถิตในภพเรือนที่ดีได้มาตรฐานดาวที่ดี ชะตาในช่วง 8ปี 4เดือนก็จะดี แต่ถ้าดาวตรีวัยในช่วงนั้นเป็นดาวที่เสียในดวงเดิม
 
ช่วงนั้นทำอะไรก็ต้องระวัง โดยตรีวัยจะเป็นการดูช่วงเวลารอบระยะ 8ปี 4เดือน โดยให้พิจารณาลัคนาจรปี ดูทักษาจรปีประกอบในการพิจารณารายปีประกอบอีกชั้น

โดยโหราจารย์ท่านกำหนดช่วงวัยของคนในแต่ละช่วงการดำเนินชีวิตดังต่อไปนี้
1.วัยต้น หรือปฐมวัย ดูจากดาว ภพตนุ ภพกฎุมภะ ภพกัมมะ
2.วัยกลาง หรือมัชฌิมวัย ดูจากดาว ภพสหัชชะ ภพศุภะ ภพลาภะ
3.วัยปลาย หรือปัจฉิมวัย ดูจากดาว ภพพันธุ ภพปุตตะ ภพปัตนิ
4.วัยเทียบ วัยเบียน วัยเจ็บป่วย ชื่อก็บ่งบอกแล้ว เตรียมตัวตาย ส่วนมากถ้าอยู่ได้ถึงวัยนี้ก็ไม่ค่อยเหลือรอดแล้ว โดยดูจากดาว ภพอริ ภพมรณะ ภพวินาศ (ทุสถานภพ)

โหราศาสตร์ไทย ความหมายของธาตุ (ดาว&ราศี)

ธาตุ คือสภาวะของธรรมชาติที่ทรงพลังไว้ในตัวดยอัตโนมัติเป็น 4 ธาตุ คือ ไฟ น้ำ ลม ดิน


1.ธาตุไฟ
คุณสมบัติให้ความสว่างให้พลังงานแก่สรรพสิ่งเป็นธาตุก่อเกิดชีวิต จัดเป็นกุศลธาตุ คือธาตุฝ่ายบวกหมายถึงเพิ่มพูนขึ้น ธาตุไฟมี 2 ลักษณะ คือไฟลมกรดและไฟสุมขอน ไฟลมกรด คือไฟที่ให้ความรุ่งโรจโชติช่วงอย่างฉับพลัน และไฟสุมขอนคือ ไฟที่ค่อยๆ ครุกรุ่นทีละน้อยทีละน้อย ธาตุไฟให้คุณทางปัญญาและลาภผล ดาวที่เป็นธาตุไฟกรด คือดาวอาทิตย์ (๑) ดาวที่มีคุณสมบัติเป็นไฟสุมขอน คือดาวเสาร์ (๗)

2.ธาตุลม มีคุณสมบัติทางกระจายตัว อ่อนไหวแปรปรวนเป็นอกุศลธาตุฝ่ายลมเพราะหดหาย กระจายตัวไป ลม คืออากาศที่หายใจเข้าเพื่อให้กระแสไฟชีวิตลูกโชติช่วงให้ความเจริญเติบโตแก่ชีวิต ลมมี 2 ประเภท เช่นกันคือ ลมกรด ลมเพชรหึงและลมอุ่นร้อน ดาวที่จัดเข้าลักษณะลมเพชรหึงคือ ดาวอังคาร (๓) ดาวที่เป็นลมร้อน คือดาวราหู (๘) ธาตุลมให้คุณทางความคิดฝัน จินตนาการ ศิลปะ การท่องเที่ยวและการเดินทาง ลมจับต้องไม่ได้จึงแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้

3.ธาตุดิน มีคุณสมบัติสงบนิ่ง สุขุม รอบคอบ เป็นกุศลธาตุฝ่ายบวก เพราะแผนดินรองรับทุกสรรพสิ่ง เมื่อไฟให้สิ่งมีชีวิต คือกำเนิดแผ่นดินก็รองรับเพื่อยังชีวิตให้รอด ธาตุดินมี 2 ลักษณะคือ ดินแข็ง ดินภูเขา แผ่นดินที่มีพืชยังชีวิต และดินอ่อนเหลวให้ความชุ่มชื่นร่มเย็นแก่ผิวโลก ดาวที่เข้าลักษณะดินแข็งคือ ดาวพฤหัส (๕) ดาวธาตุดินอ่อนดินเหลว คือดาวจันทร์ (๒) ดาวธาตุดินนี้ให้คุณทางสติปัญญาไตร่ครองสุขุม ความหนักแน่นมั่นคง

4.ธาตุน้ำ
จัดเป็นอกุศลธาตุเช่นเดียวกับธาตุลม คือกระจายตัวและหดหาย น้ำคือสิ่งหล่อเลี้ยงเป็นอาหารแก่ชีวิตทุกสรรพสิ่งในโลก น้ำมี 2 ประเภท คือน้ำฝน (น้ำบ่อ, น้ำคลอง) และน้ำทะเลมหาสมุทร ดาวที่เป็นธาตุน้ำฝนคือ ดาวศุกร์(๖) ดาวที่เป็นธาตุน้ำมหาสมุทรคือ ดาวพุธ(๔) ธาตุน้ำให้คุณทางด้านการสมาคม การปกครอง การขยายโครงการ น้ำมีลักษณะอ่อนไหว เลื่อนไหลไปตามสภาวะแวดล้อม

การเรียนรู้เรื่องธาตุให้เข้าใจยิ่งขึ้นขอให้นึกถึงหลักทางธรรมชาติที่รู้จักกันดี คือเมื่อนึกถึงธาตุไฟก็คือ ความร้อน ดินก็คือ ก้อนแข็งและหนัก ลมก็คือลมที่พัดไปมา น้ำคือ น้ำที่ไหลไปมาได้ แล้วค่อยแยกแยะเป็นไฟลมกรด ไฟสุมขอน ดินแข็ง ดินโคลน ลมพายุ ลมร้อน น้ำทะเล น้ำฝน

นิสัยของธาตุ

1.ธาตุไฟ ไฟคือการกระทำ การสร้างสรรค์เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ให้พลังงานแก่ทุกสรรพสิ่ง สร้างสรรค์ชีวิตให้กำเนิด

นิสัยของธาตไฟ คือกระตือรือร้น ทะเยอทะยาน ชอบริเริ่มสิ่งใหม่ ชอบความโอ่อ่า สะดวกสบาย รักการผจญภัย ชอบสร้างสรรค์ริเริ่มก็จริง แต่หุนหันพลันแล่น ผันแปรง่าย สีของไฟ คือสีแดง รสคือ เผ็ดร้อน รูปทรง คือสันทัด สามเหลี่ยม มุมแหลม

2.ธาตุดิน คือความหนักแน่น ความสงบ คือแผ่นดินที่รองรับทุกสิ่งดดยไม่มีการบ่นอุทรณ์ใดๆ เปรียบของการมีสภาพอดทน ปักหลัก มั่นคง เหนียวแน่น

นิสัยของธาตุดิน มีเหตุผลรักความสงบ มุ่งสร้างฐานะ ชอบสะสมรวบรวม ช่างสังเกตุ ช่างเลือก มัธยัส ดื้อรั้นอดทนมีทิฐิสูง ไม่ย่อท้อต่อความลำบาก สีของธาตุดิน คือสีเหลือง รสหวานกลมกล่อม รูปทรงแข็งแรง ล่ำสัน ทรงตรง

3.ธาตุลม คือการเคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่ง พัดไปพัดมา เอาแน่นอนอะไรไม่ค่อยได้ คืออากาศที่ให้พลังแก่ชีวิตที่กำเนิดมาจากความร้อนให้ลุกโชติช่วงขึ้น คือความคิดสติปัญญา การรอบรู้ การคิดค่อ การปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เพราะลม คืออากาศธาตุที่ชำแรกเข้าไปได้ทุกที่ 

นิสัยของธาตุลม คล่องแคล่วว่องไว ชอบใช้สมองและสติปัญญา ความคิดไม่หยุดนิ่งชอบพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่าน่าสนใจกว่า ฉลาดรอบรู้ ชอบการเดินทางติดต่อ การสมาคม รส ชอบทุกรส สี ไม่มีสี รูปทรง ปานกลางค่อนข้างใหญ่

4.ธาตุน้ำ คือน้ำที่หล่อเลี้ยงพื้นโลกเป็นอาหารแก่ชีวิตทุกชีวิตทำให้ทุกสิ่งเติบโตขึ้น น้ำจะถ่ายเทจากที่สูงลงสู่ที่ตำ น้ำปรับเข้ากับภาชนะต่างๆ ได้ น้ำคือความอ่อนไหว เปรียบได้เหมือนอารมณ์ความรู้สึก เมื่อมีอะไรมาก กระทบเข้าทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้น เดี๋ยดี เดี๋ยวร้าย ประมาทไม่ได้

นิสัยของธาตุน้ำ อ่อนไหวง่าย ชอบปกป้อง หวงแหนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไม่ดีเหมือนน้ำในทะเลย เวลาที่คลื่นลมสงบทะเลก็ราบเรียบ เวลาที่มีมรสุมคลื่นลมก็ปั่นป่วน ถูกชักจูงได้ง่ายเชื่อง่าย ชอบคล้อยตามคนอื่น ใจอ่อนขี้สงสารคนมีเมตตา สีของธาตุน้ำ ดำ น้ำเงิน รส เปรี้ยว รูปทรงใหย่ อ้วน โต กลม

บุคคลในราศี 
ธาตุไฟ ร้อน เร็ว ใจร้อน 
ธาตุลม โพงพาง แตกหัก รุ่นแรง 
ธาตุดิน หนักแน่น อดทน บึกบึน 
ธาตุน้ำ เย็น ออมชอม ใจอ่อน เข้าคนง่าย

โหราศาสตรพม่า การคำนวน มหาบทประจำปี

หัวใจของโหราศาสตร์พม่า คือ มหาบท


มหาบทหาได้จากจุลศักราช หารด้วย 7 ได้เศษเท่าไร แล้วนำมาตั้งเป็นมหาบทในปีนั้นๆ การเปลี่ยนจุลศักราช ในมหาบท เขาเปลี่ยนในวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี หลังเที่ยง (บ่าย) จะถือเป็นวันเปลี่ยนจุลศักราช วิธีการคิด คือเอาปี พ.ศ. ตั้งแล้วลบด้วย 1181 จากนั้นหารด้วย 7 ยกตัวอย่าง 2566-1181 = 1386 เพราะฉะนั้นปีนี้ก็คือ จุลศักราช 1386 เมื่อนำ 7 มาหารจะเหลือเศษ 6

มหาบทประจำปี คือการบอกตำแหน่งดวงดาวแต่ละตัวว่ามีหน้าที่ ครองความเด่นดีอย่างไร นอกจากนี้แล้วมหาบทกำเนิด (วันเกิดของแต่ละคนในปีนั้นๆ) ยังเปรียบเสมือน จุดกรรมที่บ่งบอกการดำเนินชีวิตที่ท่านจะต้องต่อสู้ และรับผลนั้นๆ

การอ่าน มหาบท ให้อ่านความหมายของดาว ร่วมกับความหมายของเรือนและถ้าจะให้คมชัดมากขึ้นให้อ่านเทียบกับทักษา ดาวเสวยและทักษาดาวจร (อายุ) เราก็จะทราบว่าในปีนั้นๆ เจ้าชาตาจะประสบกับความโชคดี โชคร้ายอย่างไรบ้าง และถ้าจะใช้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็นำเขาไปเทียบกับแผนธาตุ เราก็จะทราบเรื่องราว รายละเอียด รวมถึงวิธีการหลีกเลี่ยง

ปีนี้มหาบท ดาวพุธ ดาวอาทิตย์ ดาวพฤหัส อยู่ในตำแหน่งดี ความหมายคร่าวๆ คือดีสำหรับคนที่เกิดในวันเหล่านี้ ดาวจันทร์ ดาวศุกร์ ดาวเสาร์ อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี ความหมายก็เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามก คือไม่ดีสำหรับคนที่เกิดในวันเหล่านี้ ดาวอังคาร อยู่ในตำแหน่งปานกลาง คือต้องใช้สมองแก้ปัญหาเยอะหน่อย ถ้าใช้สติปัญญาแก้ไขด้วยความรอบครอบก็จะประสบผลสำเร็จในที่สุด

ถ้าจะให้ชัดเจน ก็ลองกลับไปอ่านความหมายของมหาบท เรื่อง "โหราศาสตร์พม่า ตอนที่ 7.1 ถึง 7.3 มหาบท (มหาภูติ) และความหมาย" ที่แม่หมอ (ฝึกงาน) เคยโพสไว้ดูนะคะ ถือเป็นฝึกสมองในการวิเคราะห์ข้อมูลจะได้ไม่เป็นอัลไซเมอร์

โหราศาสตร์พม่า (ทักษา)

เริ่มต้นจาก...บริวาร > อายุ > เดช >ศรี >มูละ >อุตสาหะ >มนตรี >กาลี


ซึ่งนับเริ่มต้นที่ดาววันเกิดเป็นดาวบริวาร แล้วไล่ไปเรื่อยๆ จนถึงกาลี เช่นในภาพ คือคนเกิดวันจันทร์ ก็นับที่ดาวจันทร์เป็นบริวาร ถ้าเกิดวันอังคารก็นับดาวอังคารเป็น บริวาร เป็นต้น อ่านความหมายต่างๆ ได้ที่ โหราศาสตร์พม่า ตอนที่ 6 ภูมิทักษาและดาวเสวย

การไล่ภูมิทักษานี้ จะนำไปใช้ตอนที่เราตั้งเสาพฤกษาชาตา เราต้องจำดาวศรี ในแต่ละภูมิได้นะคะ มันถึงจะตั้งเสาต่างๆ ในที่มีในโหราศาสตร์พม่าได้

ขอให้สุขหรรษากับการเรียน โหราศาสตร์พม่าค่ะ... แม่หมอ (ฝึกงาน) บ๊าย บายค่ะ

โหราศาสตร์พม่า (ยามกลางวัน)

ผู้เรียนต้องจำให้ขึ้นใจ ต้องไล่เรียงได้ เพราะต้องนำใช้ตอนตั้งมหาบท และแผนธาตุนะคะ มันใช้บ่อยประดุจลมหายใจเข้าออก