หรืออีกชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ บัวดิน, บัวสวรรค์
เป็นพื้นหัว ไม้ล้มลุก ลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน หัวแบบเดียวกับหัวหอม เปลือกภายนอกเป็นกลีบห่อหุ้มกันเป็นชั้นๆ เนื้อในสีขาว หัวแก่มีเยื่อสีน้ำตาลหุ้มโดยรอบ เมื่อลอกออกจะเห็นข้างในสีม่วง และจะมีหน่ออ่อนเจริญขี้นมาสามารถนำไปปลูกเป้นต้นใหม่ได้ ใบเดี่ยวขนาดเล็กยาว สีเขียวเข้มเป็นมัน ปลายใบแหลมโค้งอ่อนลง โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้นไว้ ดอกออกเป็นช่อที่ซอกใบ ดอกย่อยสีชมพู มี 6 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป้น 6 แฉก เกสรดอกสีส้ม ออกดอกในช่วงฤดูฝน
การปลูก.. ดินปลูกเป็นดินร่วน หรือดินท้องนาที่สะอาด ผสมด้วยทรายละเอียด หรือทุบอิฐดินเผาเก่าๆ ให้ละเอียดผสมดินและทราย นำหัวว่านวางกลบดินไม่ต้องแน่น รดน้ำพอเปียกอย่าให้แฉะ เวลารดน้ำสวดด้วยคาถา "นะโม พุทธายะ" 3 จบ
ความเชื่อ
บัวดินสีชมพู เรียกว่า ว่านขุนแผนสะกดทัพ เป็นสมุนไพรแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ธาตุพิการ มีสรรพคุณทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี ส่วนบัวดินสีเหลืองเป็นว่านพญาหัวเดียว มีสรรพคุณทางด้านคงกระพันชาตรีคงทนต่อศัตราวุธทั้งหลาย หากนำหัวมาทาที่มือหรือเท้าก่อนชกต่อยกับคู่ต่อสู้จะทำให้ผู้ถูกชกเจ็บปวดมาก
- แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย แก้ธาตุพิการ กินหัวบำรุงธาตุ เป็นว่านคงกระพันชาตรี พกพาติดตัวเดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย
- เสกด้วยพระเจ้า 5 พระองค์ กินว่านนี้อยู่ยงคงกระพัน
- หากเกิดคดี ช่วยคลี่ช่วยคลาย เอาว่านส่วนหัว ติดตัวติดตาม เข้าไปสู้ความ เอาตัวรอดได้ คนรักเมตตา มหานิยม เป็นที่ชื่นชม ทั้งหญิงและชาย
- ว่านนี้เหมาะแก่นักขายทั้งหลายพกไว้ติดตัว เพราะจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้ออย่างง่ายดาย
- นำติดตัวเป็นเมตตามหานิยม เสกด้วย “นะโมพุทธายะฯ” ถ้าจะให้ผู้คนรักหลงไหลเคลิบเคลิ้ม นึกเอาตามปรารถนา
ถ้าจะสะกดคนให้หลับ เอาว่านเสกด้วย “ภะคะวา สุคะโต อะระหังฯ” 7 คาบ แล้วเอาว่านที่เสกใส่ในกองไฟ ผู้คนที่ได้กลิ่นว่านไหม้ไฟจะหลับสนิท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น