วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ดาว 7-8 ให้ความสำเร็จเรื่องลาภผลเงินทองจริงหรือ


เสาร์ราหูจร คู่นี้ คัมภีร์เก่าๆ ยกย่องว่าดีนัก เวลาจรมาพบกันจะให้ความสำเร็จที่ดี มักกล่าวไว้สั้นๆ เป็นนัย ไม่มีคำอธิบายโดยละเอียด ทำให้ผู้เรียนรู้ศึกษาเข้าใจผิด ว่าแต่คุณด้านเดียว

เรียน....อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ
ผมขอออกตัวเสียก่อนว่าผมเป็นนักโหราศาสตร์สมัครเล่น ไม่สันทัดจัดเจน ทางโหราศาสตร์นัก

จึงมักเกิดปัญหามากในการเรียนรู้ ครั้นนำไปไต่ถามบรรดาโหราจารย์ มักได้รับคำอธิบายแบบปิดๆ เปิดๆ ไม่ชัดเจนแจ่มแจ้ง ผมจึงจำเป็นต้องนำมาถามท่านอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ เพราะเป็นผู้เดียวที่เป็นที่พึ่งได้

ปัญหาของผมมีดังนี้ วันที่ 15 ธันวาคม 2533 ตามปฏิทินโหรของสมาคมโหร เสาร์จะยกเข้าราศีมังกร ไปร่วมด้วยราหู ซึ่งอยู่ราศีมังกรอยู่แล้ว ดาวเสาร์ราหูเป็นคู่มิตรใหญ่ ตำราทุกตำรายกย่องว่าดีนักในการให้ความสำเร็จเป็นลาภผลเงินทอง โหรทุกท่านก็ใช้พยากรณ์ทางที่ดี จึงเรียนถามความเห็นว่าพอเชื่อได้หรือไม่

ขอแสดงความนับถือ
นายบรรจง สุขนิรันต์

……………………………………………………….

เรียน คุณบรรจง สุขนิรันต์ ที่นับถือ
อันที่จริงดาวทุกดวงมีทั้งให้คุณและให้โทษทั้งสองสถาน การอ่านดาวอย่าลำเอียงเข้าข้างดาว

จะพยากรณ์ผิดพลาด คุณต้องนึกถึงเหตุผลอันเป็นข้อเท็จจริงว่า ถ้าดาวเสาร์ ราหูจร มาต้องกันเกิดผลดีไปหมดแล้ว บุคคลและดวงชะตาทุกดวงทั้งโลกมิดีเลิศไปหมดทุกคนหรือ ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้

คุณต้องเข้าใจว่า ดาวคู่นี้อาจให้ทั้งคุณและโทษทั้งสองสถาน ยามใดให้คุณ ยามใดให้โทษ ต้องพิจารณาให้ถ่องแท้ อย่าหลงผิด บางดวงเกิดคุณ บางดวงเกิดโทษ สุดแต่พื้นชะตาของแต่ละคนเป็นสำคัญ ยามเกิดคุณ ถ้าดวงชะตานั้นเสาร์ และราหูในพื้นดวงเดิมสถิตย์เป็นคุณแก่ดวงชะตา เช่น เป็นลาภะ ศุภะ ยามจรมาต้องกันก็จะเกิดคุณ และดาวเสาร์ ราหูจรมาพบกันในภพใดทางลัคนา ถ้าพบกันในภพลาภะ ศุภะ กดุมภะจะให้คุณแรง ส่วนภพอื่นๆ ก็จะเบา ถ้าทางทักษาดาวใด ดาวหนึ่งเป็นศรีจร ย่อมให้คุณ ยามเกิดโทษ ให้พิจารณาพื้นดวงเดิม ถ้าเสาร์หรือราหูสถิตย์เป็นโทษแก่ดวงชะตาเป็นพื้นอยู่แล้ว เช่น เสาร์ หรือราหูในดวงเดิมสถิตภพอริ มรณะ หรือเสาร์ ราหูเป็นเจ้าเรือนอริ มรณะยามจรต้องกันมักเกิดโทษ

ภพที่ราหูและเสาร์ จรมาพบกันก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าจรมาพบกันในภพอริ มรณะลัคนา จะให้โทษมากกว่า หรือเสาร์ ราหูเป็นกาลกิณีจรในปีนั้น จะเกิดโทษแรง ถ้าพิจารณาให้ละเอียด ควรดูพฤหัสที่จรอยู่ในราศีกรกฏด้วย เพราะจรอยู่ราศีทวาร เล็ง เสาร์ ราหู แสดงถึงการร่วมสัมพันธ์ถึงกันเต็มตัว

อรุณ ลำเพ็ญ

………………………………………………

ดาวตกภพอริ มรณะ วินาสน์

เรียน อาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ที่นับถือ
ผมเป็นนักศึกษาโหราศาสตร์สมัครเล่น ชอบค้นคว้าหาข้อเท็จจริงในโหราศาสตร์ ตำหรับตำราเก่าใหม่ผมหาซื้อเอาไว้ทั้งนั้น บางเล่มอ่านรู้เรื่องดี บางเล่มยิ่งอ่านยิ่งโง่ บางเล่มขัดแย้งกันจนไม่อาจตัดสินใจได้ แต่ผมก็ได้ศึกษามาหลายปี แม้ขณะนี้ก็ยังวนเวียนไม่บรรลุผลสักที ที่สำคัญคือเวลาข้องใจติดขัดไม่รู้จะถามใคร ครั้นถามอาจารย์เก่าบางท่าน ท่านก็มักจะอธิบายปิดๆ บังๆ ไม่ชัดเจน เหมือนกลัวว่าจะหลอกถามล้วงความรู้ท่าน

ผมขอถามปัญหาอาจารย์ดังนี้คือ มีตำราเก่าเล่มหนึ่งพิมพ์มานานแล้ว ระบุว่าภพในดวงชะตาคือ ภพอริ ภพมรณะ ภพวินาสน์ ดาวใดมาตกในภพนี้ จะไม่ถึงลัคนาอันเป็นตัวเจ้าชะตาเลย คือ เสียเปล่าสูญเปล่าไป ผมอ่านพอเข้าใจความหมายท่าน แต่ในทางปฏิบัติพยากรณ์ไม่ได้เลย ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายให้ชัดเจนด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง

ขอได้รับความนับถือ
นายเกียรติ์ สงกร

เรียน คุณเกียรติ์ สงกร ที่นับถือ

ตำราที่คุณว่า จำได้ว่าเคยผ่านตาผมมานานแล้วครั้งหนึ่ง และกฏเกณฑ์นี้มีผู้กล่าวถึงอยู่เสมอมา อ้างว่าเป็นของเก่า ถือกันเรื่อยๆ มาโดยมิได้พิสูจน์ให้ชัดเจนพอ ความหมายของท่านก็คือว่า ภพอริ ภพมรณะ ภพวินาสน์ เป็นป่าช้าดาว ดาวอะไรเข้าสถิตย์สูญหายไปทันที เช่น ดาวอริ เข้าอริ หรือมรณะ ให้ทายว่าบุคคลนั้นอริตายเสียแล้ว ไม่มีศัตรู หรือชนะศัตรู ฟังๆ ดูก็พอเข้าใจได้บ้าง หรือถ้าเจ้าเรือนอื่น เช่น กดุมภะ ตกอริ มรณะ เงินไม่ถึงตัวเจ้าชะตา ก็พอฟังได้ แม้ไม่ชัดเจนนัก เพราะถ้าอ่านทางภพทางเรือนธรรมดา กดุมภะตกอริ หมายถึงการเงินพบอุปสรรค์ต้องดิ้นรนเดือดร้อนอยู่เสมอ กดุมภะตกมรณะ การเงินตาย หรือการเงินเสียหาย ไม่มีผล คือ เงินเดือดร้อนมาก

หรือในกรณีปัตนิตกอริ ปัตนิตกมรณะ เป็นความหมายชีวิตคู่ผัวเมียไม่ถึงเจ้าชะตา คือ หาเมียไม่ได้เลยชีวิตต้องเป็นโสดจนวันตาย ก็ยังพอฟังได้ ถ้าอ่านทางภพทางเรือนธรรมดา อ่านว่าความรักหรือครอบครัวเจ้าชะตา พบอุปสรรค์เดือดร้อน หรือมีคู่มักเลิกร้างเป็นม่าย

มาถึงคำๆ หนึ่งคือ ตนุตกอริ ตกมรณะ ถ้าอ่านตามแบบไม่ถึงตัวเจ้าชะตา ก็คือตัวของตัวเองไม่ถึงตัวเจ้าชะตาแล้ว เป็นความหมายที่ยากแก่ความเข้าใจได้ ถ้าอ่านทางเรือนทางภพธรรมดาก็จะได้ความหมายดีกว่า ตนุตกอริ คือ เจ้าชะตามีชีวิตที่พบอุปสรรค์ต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก ตนุตกมรณะ คือ ตัวเจ้าชะตามักป่วยเจ็บอยู่เสมอ สุขภาพไม่ดี หรือต้องจากไกลถิ่นฐานบ้านช่องอยู่เสมอ

คำว่าไม่ถึงตัว เป็นคำกล่าวของโบราณจารย์กล่าวเป็นคำอรรถ อุปมาอุปมัยไว้เป็นคำอรรถที่ต้องแปลความหมาย จะใช้เถรตรงนั้นไม่ได้ ท่านกล่าวไว้ไม่ผิดหรอก เพียงแต่เราไม่แปลความหมายของท่านให้ชัดเจนพอ จึงเกิดความเข้าใจไขว้เขวเป็นอย่างอื่นไปเสีย

การถือเถรตรงเช่นที่ว่านี้ ทำให้ความหมายหนึ่งเกิดสับสนขึ้น เช่น กาลกิณี ตกอริ มรณะ ถือว่าความชั่วไม่ถึงตัวเจ้าชะตา ชีวิตจะสุขสบายตลอดชาติ ซึ่งความจริงจากการพบเห็นดวงมากๆ มิได้เป็นเช่นนั้น

ดวงชะตาคือ ชีวิตเจ้าชะตาทั้งดวง ไม่มีภพใดเรือนใดเป็นข้อยกเว้น การแบ่งภพ 12 ภพ คือแบ่งชีวิตเจ้าชะตาออกเป็น 12 เรื่อง คือ ชีวิตเจ้าชะตาทั้งหมดดาวใดอยู่ที่ใดก็ถึงชีวิตเจ้าชะตาทั้งสิ้น

เช่น กาลกิณี ตกภพอริ หมายถึงกาลกิณีเน้นภพอริ ทำงานในอริ ทำให้ภพอริเป็นความหมายแรงขึ้น คือชีวิตเจ้าชะตามักพบความเป็นอุปสรรคมาก ต้องดิ้นรนต่อสู้ กาลกิณีตกภพมรณะ เจ้าชะตามักพบกับความสูญเสีย เสียหาย ความผิดพลาดในชีวิต หรือมักพบโรคร้ายประจำชีวิต

การเขียนมานี้มิได้หักล้างคำเก่าของโหรเก่า เพียงแต่ต้องแปลความหมายตามเจตนารมย์ของเดิมให้ชัดเจนขึ้นเท่านั้น

อรุณ ลำเพ็ญ

……………………………………………………….

การเรียนโหราศาสตร์

เรียนอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ที่นับถือ


ผมเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมโหร และรับพยากรณ์สารได้ติดตามบทความในหน้าปัญหาโหรมาตลอดเพราะให้ความรู้ทางโหราศาสตร์ ด้วยเหตุผลที่เป็นข้อเท็จจริงให้หายสงสัยได้ดีมาก

ผมเองสนใจโหราศาสตร์ แต่จับจดมิได้จริงจังสักที เหตุที่มิได้จริงจัง เพราะจะเริ่มเรียนทีไร มักเกิดปัญหาที่ตัดสินใจไม่ได้สักที เคยนำปัญหาขึ้นหารือกับอาจารย์โหรใหญ่ๆ หลายท่าน แต่ที่ท่านตอบไม่อิ่มเลยมิหนำซ้ำคำตอบของท่านขัดแย้งกันเอง ยิ่งทำให้เกิดปัญหาซ้อนขึ้นมาอีก ความคิดมืดสลัวอยู่แล้วกลับมืดสนิทลงไปอีก ปัญหาของผม คือ

โหราศาสตร์อันเป็นวิชาพยากรณ์ ที่มีทางเสนออยู่ในปัจจุบันที่ผมติดตามอยู่มีหลายแขนงมีทั้งของฝรั่ง และโหราศาสตร์แขก รวมทั้งของไทยแท้ ผมเองสนใจเกือบทุกสาขา แต่ยังมิได้เริ่มเรียนจริงจัง เพราะการเรียนโหราศาสตร์ต้องใช้ทุนรอนการเงิน และเวลามากเป็นปี ถ้าเรียนผิดทางจะเสียทั้งเงินและเวลาไปเปล่าๆ หันมาเริ่มเรียนใหม่ก็มักสายเกินไป ผมเห็นตัวอย่างเพื่อนๆ หลายๆ คนเป็นเช่นนั้น เรียนไปเรียนไปนานเข้ากลายเป็นนักคุยโหราศาสตร์มากกว่าเป็นนักพยากรณ์ที่แท้จริง

โดยใจจริงผมสนใจโหราศาสตร์ไทย เพราะเป็นมรดกตกทอดมาเป็นพันปี แต่ก็พบปัญหาตรงที่โหราศาสตร์ไทยก็มีหลายระบบ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเริ่มเรียนระบบใดได้ถูก

ขณะนี้กำลังสนใจโหราศาสตร์ไทยระบบนวางค์จักร เพราะระบบนวางค์จักรเล่นดาว 2 ชั้น คือ ชั้นแรกดาวมีตำแหน่งในราศี และชั้นที่ 2 ดาวเกาะนวางค์ ทำให้รู้ผลว่า ดาวในราศีนั้นๆ ไปสถิตราศีใดในนวางค์เป็นการตัดสินสุดท้ายว่าดาวดีหรือชั่ว เพราะดาวเกาะนวางค์ทำให้จรไปสถิตในราศีต่างบอกตำแหน่งที่แท้จริงได้ทุกกรณี คิดว่าเป็นระบบที่ดีที่สุด

แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อความคิดอาจารย์อรุณ ลำเพ็ญ ว่าเป็นผู้รู้แตกฉานจริง พอที่จะแนะนำในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผมได้อย่างแท้จริง ได้โปรดกรุณาด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง แก่คนโง่อย่างผม

ด้วยความนับถืออย่างแท้จริง
ชโยดม ดำรงชัย

……………………………………………………….

เรียน คุณชโยดม ดำรงชัย ที่นับถือ

ปัญหาของคุณข้อแรกคือ คุณเป็นคนฉลาดเกินไป พยายามหาเหตุผลในสิ่งที่คุณไม่รู้แจ้ง จึงไม่อาจแก้ปัญหาได้ ถ้าคุณโง่สักหน่อยจับเรียนโหราศาสตร์สายใดสายหนึ่งไปด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นแล้วป่านนี้คุณอาจเป็นนักพยากรณ์ไปแล้วก็ได้

ปัญหาของคุณเป็นปัญหาชุมชนส่วนใหญ่ที่กำลังจะเริ่มเรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ ทุกคนที่กำลังประสบมาแล้วและกำลังประสบอยู่ แต่ละคนไม่อาจแก้ปัญหาของตนได้

โหราศาสตร์ไทยทุกวันนี้ได้ถูกแบ่งระบบการพยากรณ์ออกเป็นหลายแขนง แต่ละแขนงก็มีความเฉพาะในระบบของตน แบ่งคราวๆ ได้หลายระบบ
1.โหราศาสตร์ไทยผสมระบบโหราศาสตร์ตะวันตก
2.โหราศาสตร์ไทยผสมโหราศาสตร์แขกระบบฮินดู
3.โหราศาสตร์ระบบนวางค์จักร
4.โหราศาสตร์ไทยที่ใช้ทักษา เดช ศรี กาลี เป็นหลัก
5.โหราศาสตร์ที่ยึดคัมภีร์โบราณเป็นทางพยากรณ์ เช่น อินทภาสบาทจันทร์ กาลจักรลัคน์จร จักรทีปนี
6.โหราศาสตร์ไทย ที่ใช้ดาวลอยอาศัยเรือนเป็นดวงพยากรณ์
7.โหราศาสตร์ไทยที่เล่นทางภพ ทางเรือน และธาตุ และความหมายดาวเป็นหลักพยากรณ์

แต่ละระบบ ต่างมีจุดเด่นจุดด้วยแตกต่างกันทุกระบบ แต่ละระบบที่ดีจะมีจุดพยากรณ์ทางจรอันเป็นจุดปรารถนาอันสูงสุดของการพยากรณ์โดยสมบูรณ์

การเรียนของผู้ริเริ่มประเภทหนึ่ง คือพวกที่เป็นปัญญาชน มักชอบซื้อหนังสือตำรับตำรามาอ่านรียนด้วยตนเอง โดยความเชื่อมั่นว่าสรรพความรู้ย่อมมีอยู่ในตำราทั้งสิ้น

บรรดาท่านเหล่านี้มักเรียนไปแล้วจะพบจุดจบจนมุมได้ง่ายๆ ตรงที่ตำราต่างๆ ที่มีอยู่เป็นส่วนมากมักเขียนอย่างบันทึกมากกว่าตำราเรียนด้วยตนเอง มีแต่บทที่เป็นกฎ และกฎ แต่มักไม่มีวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้กฎนั้นๆ การเขียนตำรานั้นๆ มักเขียนให้ท่องจำมากกว่าเขียนให้เกิดความเข้าใจ และที่เหมือนๆ กันเป็นส่วนมาก คือ ตำราโหราศาสตร์ไทยไม่มีระบบทายจรอันเป็นหัวใจสำคัญ ทำให้ความรู้ทางโหราศาสตร์ถูกจำกัดไม่สมบูรณ์

อีกพวกหนึ่งเป็นพวกมีความคิดว่า การเรียนรู้หลายๆ ระบบ แล้วนำผสมผสานกันจะทำให้สามารถมากกว่าปกติ พวกนี้มักเรียนสิ่งละอันพันละน้อยผสมกันจนจำรูปร่างไม่ได้ ใครบอกอะไร พบในตำราใดเก็บสะสมเอาจนหมดไม่เว้นเลย

ทั้งสองพวกนั้นเรียนมากเข้ามักเป็นนักโหราศาสตร์ประเภทมีความรู้ แต่ไม่มีความสามารถ ถึงรู้แต่พยากรณ์จริงๆ ไม่ได้ เหมือนค้างคาว คือจะเป็นนก แต่มีหู จะเป็นหนูแต่มีปีก เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแท้จริงไม่ได้

โหราศาสตร์ไทยที่มีโครงสร้างเดียวกันแต่แยกออกไปถึง 7 สายนั้น เพราะเหตุที่โบราณจารย์สมัยเก่าก่อนผู้ริเริ่มได้ใช้สถิติดาวคนละมุม ท่านพบเห็นมามากในกฎของท่าน ท่านจึงนำมาตั้งกฎพยากรณ์ในแนวของท่าน และอาจารย์ท่านอื่นท่านก็เก็บสถิติมาคนละทาง จึงมีกฎพยากรณ์คนละสายแตกต่างจากกันไปมากน้อยตามระบบของท่าน ศิษย์รับถ่ายทอดจึงเป็นคนละสาย ทั้งๆ ที่เป็นโหราศาสตร์ไทยด้วยกัน แต่จะเป็นสายใดแขนงใด กฎที่ดีของท่านจะสมบูรณ์แบบและมีศักยภาพในการพยากรณ์ ทั้งดวงเดิมและดวงจรโดยสมบูรณ์แบบแม่นยำทุกแขนง

ขออย่างเดียวคุณอย่าทำตัวเป็นคนเก่ง คือเรียนทุกแขนงแล้วนำมาผสมปะปนกัน จะทำให้มิได้ผลในการเรียนรู้ เพราะแต่ละระบบจะมีเอกทัศน์เป็นของตนเอง โดยไม่อาจจำเอามาผสมรวมกันได้สนิท และอีกประการหนึ่งที่ควรรู้คือ ควรเรียนโดยมีครูบาอาจารย์เป็นตัวตน เพราะจะทำให้การเรียนรู้ของคุณเดินได้ตรงทางไม่คดเคี้ยวเลี้ยวลดเข้าป่าไป

คุณจะเริ่มเรียนระบบใดก็ได้ แต่ขอให้ตั้งปนิทานว่า จะขึ้นต้นด้วยระบบนั้นๆ จะต้องเรียนให้สุดปลายของระบบนั้นจึงจะได้ผลทางการพยากรณ์ ส่วนการที่จะสามารถเก่งกาจอยู่ที่ตัวคุณเองที่จะมี ศรัทธา วิริยะ จิตตะ วิมังสา ได้มากน้อยเพียงใด วิชาที่อาจารย์สอนเหมือนน้ำ ผู้เรียนเป็นภาชนะ ตุ่มที่รับน้ำ ถ้าตุ่มเล็กย่อมเติมแม้เต็มก็น้อยกว่าตุ่มใหญ่ และถ้าตุ่มรั่วเติมน้ำเต็มเท่าใดก็ไม่รู้จักเต็ม

ก่อนเรียนระบบใดกับอาจารย์ใดก็ตาม ควรได้พิสูจน์เป็นการแน่ใจเสียก่อนว่าระบบโหราศาสตร์นั้นๆ มีศักยภาพในการพยากรณ์เพียงใด ระบบการพยากรณ์ที่ดีและสมบูรณ์แบบย่อมมีศักยภาพดังนี้
1.ง่าย และสะดวกรวดเร็ว และมีผลทางพยากรณ์
2.พยากรณ์ได้รอบตัวถึงพฤติกรรมของชีวิตมนุษย์ เช่น งาน เงิน ครอบครัว สุขภาพ ฯลฯ
3.การพยากรณ์ต้องมีรายละเอียดประกอบ และมีกำหนดเวลาที่จะเกิดเหตุทั้งร้ายและดีด้วยโดยเฉพาะทางจร
4.ควรหลีกเลี่ยงระบบคำนวณละเอียดมากมาย แต่ผลพยากรณ์สั้นนิดเดียว ไม่ได้ความละเอียดชัดเจน และเมื่อได้พิสูจน์ตามหลักการที่ผมกล่าวมาแล้ว ก็จะเรียนในระบบใดก็ได้เพราะผลปลางทางจะมีจุดสุดยอดเช่นเดียวกัน ขอเรียนถึงจุดของความบกพร่องในระบบนวางค์จักร ที่คุณคิดว่าดีกว่าราศีจักร หรือระบบนวางค์จักรเป็นระบบที่สมบูรณ์ที่สุดนั้น ความจริงในตัวระบบก็ยังมีจุดไม่พร้อมครบสมบูรณ์ดังต่อไปนี้

ดาวดวงใดดวงหนึ่ง สถิตในราศีหนึ่งมีสิทธิ์เกาะนวางค์ในราศีนั้นเพียง 9 ลูกนวางค์ นวางค์แต่ละลูกมีเกษตรประจำราศีเป็นดาวเจ้านวางค์ พูดตรงๆ คือ ดาวในราศีจักรมีสิทธิ์ที่จะเกาะนวางค์ แล้วก้าวไปสถิตในราศีอีกราศีหนึ่งๆ ตามผลของเจ้านวางค์ได้ 9 ราศีเท่านั้น ยังคงขาดไม่ครบจักรราศีที่มี 12 ราศี คือ
ดาวใดและจรเข้านวางค์ไปได้เพียง 9 ราศีเท่านั้น ขาดไป 3 ราศี เช่น
1.อาทิตย์เป็นประในราศีกุมภ์ ไม่ว่าเกาะนวางค์ใดไม่อาจเปลี่ยนสภาพเป็นเกษตรได้ เพราะนวางค์ไม่ถึงราศีสิงห์
2.จันทร์เป็นอุจจ์ในราศีพฤษกไม่ว่าเกาะนวางค์ใดไม่มีทางเป็นนิจได้ เพราะนวางค์จักรไม่ถึงราศีพิจิก
3.อังคารเป็นเกษตรราศีเมษ ไม่มีทางเป็นอุจจ์ในราศีมังกร เพราะนวางค์ไม่ถึงราศีมังกร
4.จันทร์เป็นเกษตรราศีกรกฏ ไม่มีทางเป็นอุจจ์ในราศีพฤษกได้ เพราะนวางค์ไม่ถึงราศีพฤษก
5.ราหูเป็นอุจจ์ในราศีพิจิก ไม่มีทางเป็นนิจในราศีพฤษกได้ เพราะนวางค์ไม่ถึงราศีพฤษก

ยังมีอีกหลายกรณี จะไม่กล่าวถึง เป็นแต่เพียงยกตัวอย่างให้เห็นว่านวางค์จักรมีการพิสูจน์ดาวได้ 100เปอร์เซ็นต์มิได้อย่างคุณเข้าใจ

ถ้าคุณโชคดีและแสวงหาอาจจะพบระบบราศีจักรบางระบบ ที่พิสูจน์ดาวได้ชัดเจนกว่าระบบนวางค์จักรหวังว่าในอนาคตอันใกล้ๆ คงได้เห็นชื่อคุณได้ขึ้นทำเนียบเป็นพยากรณ์ฝ่ายโหราศาสตร์ไทย

อรุณ ลำเพ็ญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น