วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

หลวงมหาสิทธิโวหาร (สอ เสถบุตร)

โดย......เณร อยู่นาน

เกิดวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ 2446 เวาลาเที่ยง ณ กรุงเทพฯ
๑๔๕๖ สถิตราศีพฤษภ ๗ สถิตราศีเมษ ๐ สถิตราศีมีน ๙ สถิตราศีกุมภ์ ๓ สถิตราศีพิจิก ๒ สถิตราศีกันย์ ๘ สถิตราศีกรกฏ

ช่วงก่อนหน้าสงกรานต์ 2553 ผมได้หนังสือมาเล่มหนึ่งคือ “ชีวิตและการต่อสู้ของ สอ เสถบุตร” หรืออีกนามหนึ่งเป็นทางการ คือหลวงมหาสิทธิโวหาร เห็นเป็นที่น่าสนใจ จึงตัดเอาบางส่วนบางตอนมาถ่ายทอดฟังกันในยามที่อากาศในบ้านเรือนร้อน และรอบ ๆ ตัว “นักเล่นการเมือง” ก็ร้อนพอ ๆ กัน

แต่การเอามาเล่าสู่กันฟังของผม เป็นอีกแนวหนึ่ง ที่มีเรื่องของวิชาการโหราศาสตร์เป็นตัวหลัก สาระอื่นเป็นตัวประกอบรองลงมา

แต่จะอย่างไรก็ตาม ก่อนสิ่งอื่น ผมต้องกราบขออภัยต่อท่านผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าว รวมทั้งตัวตนของท่าน สอ เสถบุตรและเครือญาติอันมั่งคั่งของท่านมา ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง ถ้าหากมุมมองของผมมุมใดมุมหนึ่ง ไม่เป็นที่ประทับใจของท่านทั้งหลาย อันอาจจะเกิดจากปัญญาผมน้อย หรือจะเป็นด้วยประการอื่นใด

แต่ก็ขอเรียนไว้ด้วยความสัจจริงว่า ใจของผมนิยมชมชอบท่านมานาน ในความมานะพากเพียรที่สามารถสร้างผลงานอมตนิรันดรกาลไว้จนยากจะหาสิ่งใดมาเทียบได้

ทีนี้เรามาเริ่มกันที่สมัยท่านยังเป็นเด็ก ท่านเริ่มศึกษาเล่าเรียนพออ่านออกเขียนได้กับครูชื่อชุ่ม จากนั้นเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสุขุมาลัยซึ่งอยู่ใกล้บ้านจนจบมัธยมปีที่ 3 ท่านเป็นคนเรียนเก่งมากสอบติดอันดับ 1 เสมอ บางครั้งเรียนข้ามชั้นก็มี

พอประมาณปี 2458 จึงเข้าเรียน ม. 4 ต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบ โรงเรียนสวนกุหลาบในสมัยนั้น ตั้งแต่อาจารย์ใหญ่ลงมาเป็นอาจารย์ชาวอังกฤษ ทุกวิชาสอนเป็นภาษาอังกฤษ เว้นหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสสอนโดยชาวฝรั่งเศส ภาษาไทยสอนโดยครูเป็นคนไทย

สอเป็นคนขยันความจำดี เรียนเก่ง โดยเฉพาะไวยกรณ์และการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ จนเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของครูทั้งหลายในโรงเรียน

ดังนั้นจึงเมื่อเรียนอยู่ชั้นม. 6 อาจารย์ใหญ่ได้มอบหมายให้ดูแลห้องสมุดของโรงเรียน ซึ่งเต็มไปด้วยสรรพตำราภาษาอังกฤษมากมาย กลายเป็นขุมทรัพย์การศึกษาค้นคว้าของสอ เสถบุตรเป็นอย่างดี

ขณะที่เรียนอยู่ ม. 7 อายุได้ 15 บิดาเสียชีวิต ในระหว่างเอาภาพยนตร์ไปเร่ฉายหาเงินต่างจังหวัด ทำให้การเงินทางบ้านติดขัด สอตัดสินใจจะลาออกเพื่อหางานทำหารายได้ช่วยมารดา อาจารย์ประจำชั้น เอ.จี.โบมอนต์ จึงพาตระเวนไปหาเพื่อฝูงชาวอังกฤษ ให้สอเป็นครูสอนภาษาไทย ทำให้มีรายได้ค่อนข้างดี การกินอยู่ในบ้านก็ดีขึ้น

การไปเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับชาวอังกฤษนอกจากได้เงินแล้ว สอยังได้ความรู้ภาษาอังกฤษแตกฉานเพิ่มขึ้นเป็นผลพลอยได้ที่มีค่าในเวลาต่อมา

มุมมองทั่วไปถือว่ามีเคราะห์กรรมที่ต้องมาเสียบิดาตอนที่กำลังเรียน และยังเป็นเด็ก แต่ดังบอกแล้วตอนต้นว่า ผมมองท่าน สอ เสถบุตร ในอีกมุมหนึ่ง ที่ใช้การโคจรของดวงดาวเป็นตัวนำ เสียบิดาเพราะปีนั้นราหู ๘ กาลกิณีจรเข้าเล็งลัคน์ราศีพฤษภ นอกจากนั้นก็เล็งพุธ ๔ ดาวอายุเดิม เล็งศุกร์ ๖ เรือนในลัคนา และดาวอุตสาหะ เล็งพฤหัสบดี ๕ ศรีเดิม

แต่เวลาเดียวกัน พฤหัสบดี ๕ จรเป็นมนตรีขึ้นทับลัคน์และพฤหัสบดี ๕ ศรีเดิมเช่นกัน จึงได้รับการช่วยเหลือจากครูประจำชั้นเป็นอย่างดี มีงานทำ มีรายได้ดี เทียบเท่าคนจบปริญญาตรี ไม่ต้องออกจากการเรียน

และสิ่งสำคัญได้ความรู้ภาษาอังกฤษแบบหลังไมค์เพิ่มเติม ยากที่คนอื่นในสถาบันเดียวกันจะทำได้ จึงเหมือนกับการกรุยทางเดินไปสู่อนาคตที่งดงาม ส่วนเคราะห์กรรมที่เสียบิดาเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกคนยอมรับ

โดยธรรมชาติ ดาวพฤหัสบดี ๕ ตามหลักของโหราศาสตร์ เมื่อจรทับลัคนาแล้วจะให้คุณต่อเนื่องกันหลายปี จนกว่าจะจรเข้าเรือนอริ

ตามดวงของท่านสอ พฤหัสบดี ๕ จรทับลัคนา พออีกปีหนึ่งก็ออกหน้าลัคนา เข้าเรือนกะดุมภะ เรียนจบ ม. 8 แล้วสอบชิงทุนคิงสกอล่าชิพได้อันดับ 2 ได้สิทธิ์ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ จะเลือกเรียนวิชาอะไรก็ได้

ทุนคิงสกอล่าชิพนี้เป็นทุนหลวงมีอยู่ 2 ทุน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ให้ผู้ที่สอบไล่ชั้น ม.8 ได้ที่ 1 และ 2 ของนักเรียนทั่วประเทศ

สอบชิงทุนได้ แต่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน จากมารดาและน้อง ๆ ทั้งความรับผิดชอบสอในตอนนั้นไม่ผิดอะไรกับหัวหน้าครอบครัว

การต้องไปเรียนต่อเพื่อความก้าวหน้าและเป็นหลักของชีวิต เป็นยอดปรารถนาของทุกคน สอก็เช่นกัน แต่การต้องปล่อยให้มารดาและน้องต้องลำบากอยู่ข้างหลัง จึงยากแก่การจะตัดสินใจ แต่สุดท้ายต้องยอมตามคำของมารดา

เมื่อเดินทางไปถึงอังกฤษสอต้องเรียนภาษาอังกฤษ ภาษเยอรมัน วิชาคำนวณเพิ่มเติม เพราะเป็นวิชาที่ใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เขาใช้เวลาเพียง 9 เดือนก็สอบเข้าได้ ในระหว่างเรียนที่อังกฤษ สอเขียนบทความและรายงานข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ไทยและบางกอกไทม์ เพื่อหารายได้ให้กับแม่และน้อง ๆ

หลังจากเรียนจบกลับประเทศไทย สอเข้ารับตำแหน่งแทน Geoffery Lee เป็นที่ปรึกษาทางวิชาการและตรวจราชการ กรมโลหะกิจและภูมิวิทยา กระทรวงเกษตราธิการ ทำงานอยู่ 3 เดือน พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพอพระราชหฤทัย ในบทความที่สอเขียน จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าให้เข้ารับราชการในกรมราชเลขาธิการ

ตอนที่กลับมาถึงเมืองไทยใหม่ ๆ พระยาภักดีนรเศรษฐ(เลิศ เศรษฐบุตร) ยกบ้านที่พาร์คนายเลิศให้อยู่ ซื้อกิจการหนังสือพิมพ์ “บางกอกการเมือง” ให้ทำ

ปี 2471 ได้รับพระราชทานยศเป็นรองเสวกเอก หลวงมหาสิทธิโวหาร ถือศักดินา 800 ไร่ ช่วงที่ดี ๆ ทั้งหลายของสอ พฤหัสบดี ๕ โคจรอยู่ในมุมดีทั้งนั้น และพฤหัสบดี ๕ ของสอเป็นดาวศรีมาตลอดชีวิต

การต้องพลิกผันชีวิตมาเป็นนักโทษการเมืองของสอ เสถบุตร มีโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยที่ไม่ต้องเล่นการเมือง ต้นเหตุมาจากหน้าที่การงานในกรมราชเลขาธิการ

เนื่องด้วยในปี 2475 ได้มีคณะราษฎร์ภายใต้การนำของสี่ทหารเสือ คือพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช พันเอกพระยาฤทธิ์อาคเนย์ พันโทประศาสตร์พิทยยุทธ ได้ก่อการยึดอำนาจการบริหารบ้านเมือง เพื่อจัดการบริหารกันใหม่ตามต้องการของคณะฯ

หลังจากทำการเสร็จ กรมราชเลขาธิการถูกโอนไปสังกัดกรมเลขาธิการรัฐมนตรี หลวงมหาสิทธิโวหารถูกทหารควบคุมตัวไปพบคณะผู้ก่อการ หลังจากทำการสอบสวนแล้วจึงให้ปล่อยตัวไป เพราะบุคคลในคณะก่อการต่างก็ล้วนเป็นเพื่อนที่เคยชอบพอกันสมัยเรียนที่ประเทศอังกฤษ

เมื่อเป็นดังนั้นสอจึงลาออกจากราชการ แล้วหันกลับไปเขียนบทความโจมตีรัฐบาลลงหนังสือพิมพ์ Bangkok Dailymail เท่ากับไปเพิ่มความไม่พอใจให้ฝ่ายรัฐบาลมากขึ้น หลังจากลาออกไม่นาน พระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ชวนไปทำงานโรงเบียร์ด้วยการเป็นกรรมการ 1ใน 5 คน

การถูกจับแล้วปล่อยตัว ลาออกจากราชการแล้วได้งานใหม่ที่ดีกว่าทำ ในระหว่างนั้นดาวพฤหัสบดี ๕ จรนำหน้าลัคนา เสาร์จร ๗ อยู่ในเรือนศุภะ ราหู ๘ จรเข้าเรือนกรรมะ

สอทำงานโรงเบียร์ได้ไม่นาน ก็เกิดกบฏบวรเดชขึ้นเมื่อ 11 ตุลาคม 2476 ทางหนังสือพิมพ์ คือ หลุยส์ คีรีวัต จึงมอบหน้าที่ให้สอแปลแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ และสอเองก็ไม่พอใจรัฐบาลคณะราฎร์อยู่เป็นทุน จึงทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลัง นี่เองเป็นต้นเหตุที่ฝ่ายรัฐบาลคณะราษฎร์ยัดข้อหากบฏได้อย่างแน่นหนา และถูกตัดสินตำคุกตลอดชีวิต

ในตอนจะตัดสินของศาลดาวเสาร์ ๗ และราหู ๘ จร ยังอยู่ที่เดิม คือยังอยู่ในเรือนศุภะและกรรมะแต่พฤสบดี ๕ จรเข้าเรือนอริได้ 3 วัน จึงขาดกำลังคุ้มครอง

สอ เสถบุตรพร้อมนักโทษการเมืองอื่น ถูกคุมขังที่คุกบางขวาง เกาะตะรุเตา และเกาะเต่ารวมแล้ว 11 ปี ถูกปล่อยตัวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2487

ในช่วงที่ได้รับการปล่อยตัวดาวพฤหัสบดี ๕ จรเป็นสี่แก่ลัคนา

จะอย่างไรก็ตามผมอยากให้ท่านย้อนกลับไปดูที่ดวงชะตาของท่านอีกครั้ง จะเห็นว่าดวงดาวทั้งหมดที่เกาะกุมลัคนา หรือทำมุมอย่างอื่น ล้วนแต่มีอิทธิพลถึงเจ้าชะตา ต่างกันที่หนักเบา มีเสาร์ ๗ เพียงดาวเดียว เป็นดาวโทษทุกข์ครองเรือนวินาสน์ ทำให้สอเป็นคนมีอารมณ์ดี ไม่เครียดง่าย

ความขยันขันแข็งเกิดจากดาวอังคาร ๓ ซึ่งก็เป็นดาวบริวารทำให้มีบริวารช่วยเหลือดี ดาวจันทร์ ๒ แม้จะเป็นดาวกาลกิณี แต่ก็เป็นส่วนน้อย ด้วยกฎที่ว่า จันทร์ ๒ ไม่เคยเป็นศรีเดิมให้กับใคร ดังนั้นจึงไม่เป็นกาลกิณีเดิม คือไม่ร้ายมาก แถมยังได้ตำแหน่งดีด้วย จึงเป็นที่ห่วงใยของแม่ตลอดเวลา

พุธ ๔ เป็นดาวอายุ เป็นดาวเจ้าเรือนการเงิน เป็นดาวเจ้าเรือนปุตตะ การเงินดีพอใช้ คือไม่รวยมาก แต่ก็ไม่ขัดสน บุตรธิดาดีหมด พฤหัสบดี ๕ เป็นศรีเดิมกุมลัคนาตลอดชีวิต ผู้ใหญ่ให้ความเมตตาตลอด อาทิตย์ ๑ มนตรีกุมลัคนา ไม่เคยขาดผู้อุปถัมภ์ สรุปแล้วมีดาวศุภะเคราะห์ทั้งหมดกุมลัคนา จันทร์ ๒ เพียงดาวเดียวที่ตรีโกณ การให้คุณให้โทษจึงอ่อนกำลัง

ที่เด่นที่สุดคือ เกตุ ๙ ที่ถือกันว่าคุณสมบัติครึ่งหนึ่งของพฤหัสบดี ๕ เข้ามาอยู่ในมุมปัศวะเกณฑ์ ซึ่งก็เหมือนกุมลัคน์ เหตุนี้จึงทำให้เป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบและควาจำดีเลิศ ตามตำนานบอกว่าว่าพฤหัสบดี ๕ เป็นครู อาทิตย์ ๑ เป็นศิษย์ เมื่อศิษย์มีเพียง 1 ครู 2 เช่นนี้มีหรือที่สอบไม่ได้ปริญญาเกียรตินิยมแห่งประเทศอังกฤษ

ปล. รูปดวงพยายามเขียนตามคำบรรยายในบทความ (ในบทความเดิมไม่มีรูปดวง)

หมายเหตุ: เพื่อเก็บรักษาและเผยแพร่บทความ ที่อาจารย์ได้เคยเขียนไว้ เนื่องจาก เวลานี้ Website: www.10luckastro.com ของอาจารย์ได้หายไปแล้ว ศิษย์รุ่นหลังๆ จะได้มีตัวอย่างดวงไว้ศึกษาหาความรู้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น